วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คณะที่จะศึกษาต่อ

คณะที่ผมอยากจะศึกษาต่อเมื่อจบ ม.6ก้คือ คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพราะว่า เป็นมหาลัยที่มีดนตรี มีการเรียนการสอนดนตรีโดยเฉพาะ และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนในด้านดนตรี มีการเรียนการสอนฌดยเฉพาะและมีอาคารที่สวยงามน่าเรียน มีการเดินทางที่สะดวกสบาย !!



มหาวิทยาลัยมหิดล





มหาวิทยาลัย มหิดล เป็นมหาวิทยาลัยรัฐของประเทศไทย มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด โดยมีชื่อเสียงในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สาธารณสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศาสตร์เฉพาะด้าน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในแวดวงวิชาการอย่างมาก ซึ่งดูได้จากการที่มหาวิทยาลัยมีจำนวนผลงานทางวิชาการระดับนานาชาติ จำนวนนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น และผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ มากที่สุดในประเทศไทย ที่สำคัญในปี พ.ศ. 2549 สกอ. ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของไทย ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลได้ถูกจัดอันดับให้เป็น มหาวิทยาลัยระดับดีเลิศของไทย ทั้งในด้านการเรียนการสอนและการวิจัย
มหาวิทยาลัยมหิดลมี 4 วิทยาเขต ตั้งอยู่ที่ ศาลายา จังหวัดนครปฐม, พญาไท และ พรานนก ในกรุงเทพ และในจังหวัดกาญจนบุรี



ตรา มหาวิทยาลัย ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎภายใต้ จักรกับตรีศูล และอักษร ม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 โดย
พระมหาพิชัยมงกุฎ คือ ศิราภรณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญ แสดงว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
จักรกับตรีศูล คือ ตราเครื่องหมายประจำพระบรมราชวงศ์จักรี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย
อักษร "ม" มาจากคำว่า "มหิดล"



ต้นไม้ ประจำมหาวิทยาลัย ได้แก่ ต้นกันภัยมหิดล ซึ่ง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช นครินทร์ ประทานพระราชวินิจฉัยชี้ขาดให้ต้นกันภัยมหิดลให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำ มหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
สีประจำ มหาวิทยาลัย ได้แก่ สีน้ำเงินแก่ เป็นสีแห่งความเป็นราชขัติยนุกูลแห่งบรมราชวงศ์ ซึ่งสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (พระยศในขณะนั้น) พระราชทานเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2512



วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล








วิทยาลัย ดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นวิทยาลัยดนตรีแห่งแรกของประเทศไทย มีฐานะเทียบเท่าคณะหนึ่ง ในกำกับของมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนวิชาเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉพาะ ตั้งแต่ระดับเตรียมอุดมดนตรี (ม. 4 - ม. 6) จนถึงระดับปริญญาเอก โดยเป็นสถาบันเดียวในประเทศที่เปิดสอนวิชาดนตรีในระดับปริญญาเอก มีอาจารย์ที่ชำนาญในเครื่องดนตรีแต่ละชนิดโดยเฉพาะ เป็นสถาบันเดียวในประเทศที่เปิดสอนทั้งด้านแนวเพลงไทยและแนวเพลงสากล

ประวัติของคณะดุริยางคศิลป์
การ ขยายการศึกษาสาขาวิชาดนตรี ก่อนที่จะมาเป็นวิทยาลัยดุริยางคศิลป์นั้น ได้มีบุคลากรที่มีชื่อเสียงด้านดนตรีหลายท่าน อาทิ ศ.นพ. สุเอ็ด คชเสนีย์ ศ.นพ. สุพจน์ อ่างแก้ว ศ.นพ. วราวุธ สุมาวงศ์ ศ.นพ. อดุลย์ วิริยเวชกุล และ ศ.นพ. พูนพิศ อมาตยกุล ช่วยกันสนับสนุนผลักดัน ให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหิดลได้เห็นความสำคัญของวิชาการดนตรี และมีการจัดสัมมนาวิชาการดนตรีขึ้น

เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2530 ศ.นพ. ณัฐ ภมรประวัติ อธิการบดีในขณะนั้น ได้จัดตั้งโครงการพัฒนาวิชาการดนตรีขึ้น และได้โอนย้ายนายสุกรี เจริญสุข ซึ่งจบปริญญาเอกสาขาดนตรี ข้าราชการสังกัดวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นหัวหน้าโครงการ โดยเปิดสอนวิชาดนตรีให้เป็นวิชาเลือกในระดับปริญญาตรีขึ้น ประกอบด้วยวิชาดนตรีวิจักษ์ การขับร้องประสานเสียง วิชารวมวง มโหรี วงปี่พาทย์ มีวิชาดนตรีเป็นวิชาเลือกในมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นครั้งแรก จัดสัมมนาวิชาการดนตรี ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างหลักสูตรมหาบัณฑิต แขนงดนตรี ขึ้นในแขนงวัฒนธรรมศึกษาด้วย

ในปีการศึกษา 2532 มหาวิทยาลัยได้เปิดรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา แขนงวัฒนธรรมดนตรี โดยสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นหลักสูตรบัณฑิตศึกษาดนตรีแรกของไทย ในปีการศึกษา 2536 มหาวิทยาลัยได้จัดตั้ง "สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาวิชาการดนตรี” ขึ้นภายใต้บัณฑิตวิทยาลัย โดยความช่วยเหลือจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัยในขณะนั้น คือ รศ.นพ. มันตรี จุลสมัย เพื่อเปิดสอนแขนงวิชาดนตรีศึกษาและแขนงวิชาดนตรีวิทยา

ต่อมา มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีโครงการจัดตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ขึ้น โดยอธิการบดีในขณะนั้นคือ ศ.นพ. ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ชื่อ "วิทยาลัยดุริยางคศิลป์” เป็นชื่อที่ ศ.นพ. อดุลย์ วิริยเวชกุล เป็นผู้เสนอและเป็นที่ยอมรับ หมายถึงวิทยาลัยดนตรีที่มุ่งสร้างนักดนตรีที่มีความสามารถในการเล่นดนตรี เป็นวิทยาลัยของผู้ที่มีศิลปะทางดนตรี

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2538 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้เปิดโครงการสอนดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไปขึ้น ณ ศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ เพื่อบริการวิชาการดนตรีสำหรับประชาชน โดยมีโครงการวิจัยพรสวรรค์ศึกษารองรับ ซึ่งมีผู้ปกครองและผู้สนใจเข้าศึกษาในโครงการจำนวนมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้พัฒนาการศึกษาดนตรีของเด็กตั้งแต่เล็ก และสร้างบรรยากาศการเรียนดนตรีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

ในปี พ.ศ. 2539 อธิการบดีในขณะนั้นคือ ศ.นพ. อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้พัฒนาโครงการจัดตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เป็นวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ให้มีฐานะเทียบเท่าคณะหนึ่ง ในกำกับของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ได้ขยายการศึกษากว้างขวางขึ้น ทั้งการศึกษาและกิจกรรมดนตรี

วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นวิทยาลัยที่เปิดสอนและวิจัยดนตรีทุกสาขา ได้จัดการสอนดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไป หลักสูตรเตรียมอุดมดนตรี ระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา

พ.ศ. 2549 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้เปิดโครงการสอนดนตรีสำหรับบุคคลทั่วไปขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อบริการวิชาการดนตรีสำหรับประชาชน โดยมี "โครงการวิจัยพรสวรรค์ศึกษา" รองรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น