วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องแปลก



ตะลึง!! มนุษย์ต้นไม้


ที่ประเทศอินโนีเซีย มีชายที่เป็นโรคหูดตามร่างกาย จนได้รับฉายาว่า มนุษย์ต้นไม้ โดยล่าสุด มนุษย์ต้นไม้ คนนี้ก็ถูกทางการของ อินโดนีเซีย ห้ามไม่ให้ไปรักษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เอเอฟพีรายงานวันที่ 20 พ.ย. ว่า ทางการอินโดนีเซียจะไม่อนุญาตให้นายเดเด ชาวบ้านวัย 32 ปี ที่เป็นโรคหูดขนาดยักษ์ตามตัวโดยเฉพาะที่แขนสองข้าง จนมีฉายาว่า "มนุษย์ต้นไม้" เดินทางไปรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา หลังจากมีรายการทางช่องดิสคัฟเวอรี่นำเรื่องราวไปออกอากาศในเดือนนี้จนเป็นที่สนใจไปทั่ว

ลิลี่ ศรีวาห์ยุนี สุลิสตีโยวาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะไม่ให้แพทย์สหรัฐนำตัวนายเดเดไปอเมริกาเพราะนายเดเดไม่ต้องการ โดยเฉพาะการให้ตัวอย่างเลือดกับชาวต่างชาติไปตรวจสอบ

ก่อนหน้านี้ แอนโธนี่ แกสปารี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ มาตรวจร่างกายนายเดเด เพื่อประกอบการทำสารคดีของดิสคัฟเวอรี่ วินิจฉัยเบื้องต้นว่า การเติบโตของหูดในลักษณะนี้มาจากการผสมผสานระหว่างไวรัสพาพิลโลมาที่ทำให้เกิดหูดบวกกับความผิดปกติของยีน ทำให้ภูมิคุ้มกันของคนไข้อ่อนแอเกินไปที่จะต่อสู้ได้ นายแพทย์แกสปารี กล่าวว่า ผิดหวังที่ทางการอินโดนีเซียตัดสินใจเช่นนั้น แต่ตนก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะรักษานายเดเด

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รักเขาข้างเดียว

ทำอย่างไร..เมื่อคุณรักเขาข้างเดียว....


รัก, รักเขาข้างเดียว, รักสามเศร้า, เหงา, เศร้าใจ, อกหัก,เลิกลา

สารพัดอาการรักเขาข้างเดียว ทำอย่างไรจะไม่เปลี่ยวใจ

รักข้างเดียวแบบที่ 1
เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน

คุณ เคยหลงรักเพื่อนของเพื่อนหรือเปล่า? เหมาะเหลือเกิน จะมีอะไรดีไปกว่าผู้ชายที่ปรากฎตัวทุกที่ร่วมกับคุณอีกล่ะ คุณจะได้แสดงความหลงใหลเขาสะดวกทุกเวลา
วิธีสงวนท่าที
ให้ ยึดหลักการรุก 3 ครั้ง ติดต่อเขาเพียง 3 ครั้งนั้น แล้วถอยมาดูท่าที การส่งอีเมล์ การกินอาหารด้วยกัน หรือแม้แต่ส่งข้อความผ่านมือถือให้คิดแต่ละครั้งเป็นการรุกครั้งเดียว แสดงให้เห็นชัดเจนและตรงไปตรงมา เมื่อคุณเข้าหาเขาและถ้าเขาไม่มีปฎิกิริยาใดๆ ก็ควรยอมรับความจริงและสงวนท่าทีบ้างเพื่อจะได้รักษาหน้าของคุณไว้ จำไว้ว่ายิ่งคุณหลงใหลใครสักคนมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องการเขามากขึ้นเท่านั้น คุณต้องใจเย็น และระบายความรู้สึกของตัวเองให้กับคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์กับคุณเท่านั้น

รักข้างเดียวแบบที่ 2
เขามีแฟนแล้ว

นี่ เป็นสถานการณ์ที่คุณจะไม่มีทางชนะแน่นอนและควรหลีกเลี่ยงทุกวิถีทางการแย่ง ผู้ชายหญิงอื่นเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย แต่ก็ยังมีผู้หญิงบางคนชอบที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง
วิธีสงวนท่าที
ผู้ชาย ส่วนมากจะไม่บอกตรงๆว่ามีแฟนแล้ว และพอบอกก็สายเกินไปเพราะคุณสนใจเขาเต็มที่เสียแล้ว แต่คุณยังมีทางเลือกหนึ่งถ้าไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวด นั่นคือวางมือจากเขา ถ้าคุณทำไม่ได้ และเขาเริ่มมองคุณแปลกๆก็ยิ่งแน่นอนว่าคุณไม่มีทางสร้างสัมพันธ์กับเขาใน ลักษณะนี้แน่ เขาอาจจูบคุณหรือพยายามพาคุณขึ้นเตียง และบอกว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว แต่อย่าหลงเชื่อสรุปแล้วถ้าคิดว่าเขามีใจด้วย และคุณพร้อมจะรอ ก็รักษาความเป็นเพื่อนไว้ แต่อย่ามีเซ็กซ์กับเขา

รักข้างเดียวแบบที่ 3
เขาเป็นเพื่อนสนิท
กรณี นี้คุณหลงรักเพื่อนสนิทตัวเอง นี่เป็นการเริ่มต้นความรักแท้ หรือคุณกำลังย่างเข้าสู่พื้นที่อันตรายกันแน่? คุณจะพบคำตอบก็ต่อเมื่อซื่อสัตย์กับตัวเอง คุณแอบรักเขามาตลอดหรือเปล่า? (ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่คุณโฉบเข้าไปในชีวิตเขาตั้งแต่แรก) หรือคุณเป็นเพื่อนกันจริงๆ จนกระทั่งความรู้สึกได้เปลี่ยนไป?
วิธีสงวนท่าที
ไม่ ว่าคุณจะมีความรู้สึกอะไรกับเพื่อน ขอให้จัดการให้เด็ดขาดก่อนที่คุณจะหมกมุ่นจนคิดไปเองว่าสายตาทุกครั้งของเขา หมายถึงเขารักคุณ ถ้าคุณรุกเขาระหว่างดื่มกันสองสามแก้ว และไม่แน่ใจเจตนาของเขา ให้ถามเพื่อน ไม่อย่างนั้นก็ควงคนอื่นต่อหน้าเขา เพราะมันเป็นวิธีกระตุ้นความรู้สึกของเขาได้แน่นอน ถ้าเห็นชัดว่าเขาทนเห็นคุณกับผู้ชายอื่นไม่ได้ คุณก็เข้าใจแล้วทีนี้ ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ต้องรวบรวมความเข้มแข็งแล้วถอนตัวจากเขา หรือยอมรับว่าคุณอาจะเสียเพื่อนดีๆไปหนึ่งคน

รักข้างเดียวแบบที่ 4
เขาเป็นคนขับรถ พนักงานขาย บาร์เทนเดอร์ ฯลฯ
ไม่ ว่าเขาจะเป็นบาร์เทนเดอร์ในผับเจ้าประจำ หรือเป็นพันกงานขายของที่คุณซื้อรองเท้าเมื่ออาทิตย์ก่อน ผู้ชายที่คุณลุ่มหลงแบบบังเอิญนี้อันตรายพอๆกับรักข้างเดียวแบบอื่น
วิธีสงวนท่าที
สิ่ง สำคัญที่จะทำให้คุณยอมรับการถูกปฎิเสธโดยดีคือวิธีที่คุณมองตัวเอง ผู้หญิงส่วนมากคิดว่าต้องใส่เสื้อผ้ารัดติ้วหรือมีจริตอย่างนั้นอย่างนี้ถึง จะจับผู้ชายได้ แต่วิธีพวกนั้นมีแต่จะดึงดูดผู้ชายประเภทที่เราไม่ต้องการต่างหาก ให้คิดแง่ดีกับตัวเองและรู้ว่าต้องการอะไร แล้วคุณจะพบคนที่ชื่นชมตัวตนของคุณ

รักข้างเดียวแบบที่ 5
เจอเขาเพียงคืนเดียว แล้วเขาก็กลับประเทศ
ความ รักแบบนี้มักเกิดกับชายหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกับเรา ก็เป็นเรื่องของระยะทางและความบังเอิญนั่นล่ะ เหมือนกับว่าเราเจอคนที่ถูกคอที่สุด มีความสุขที่สุด ใช่ที่สุด แต่เขาอยู่ตรงนั้นกับเราได้เพียงหนึ่งคืนแล้วเขาก็จากเราไป
วิธีสงวนท่าที
ความ รักแบบนี้ฝ่ายชายคนที่ต้องจากไป ก็คงรู้สึกคล้ายๆคุณ แต่เขาอาจไม่ได้หวังอะไรมากกว่าจะมีอะไรเป็นไปได้เกิดขึ้น ก็คงจะต้องแลกอีเมล์กัน คุยกันฉันท์เพื่อนไปก่อน เขียนจดหมายไปหา โทร.ไปหาบ้าง ส่งความรู้สึกดีๆให้ตลอด แต่ไม่ต้องอินเลิฟกับเขาแบบหมกมุ่น เขาจะกลัวๆงงๆได้ แล้วในที่สุด ถ้าเวลานั้นคุณยังรู้สึกกับเขาอยู่ แล้วเขารู้สึกได้ ทุกอย่างมันก็จะเป็นไปได้ตามมาเอง

อกหัก กับ รัก เขาข้างเดียว อันไหนเจ็บปวด?

กลอน ความรัก เรื่อง อกหัก กับ รัก เขาข้างเดียว อันไหนเจ็บปวดกว่า ? เป็น กลอน ความรัก เปรียบเทียบ ความรู้สึกของคนที่เคย อกหัก กับคนที่ รักเขาข้างเดียว ว่าความรู้สึกแบบไหนเจ็บปวดกว่ากัน

ความรัก อกหัก

การแอบรักเขาข้างเดียว … หรือ แอบรัก
สำหรับเรา …ขอบอกว่ามันเจ็บปวดกว่าการอกหัก

การรักเขาข้างเดียว เป็นสิ่งที่เขาไม่รู้… หรืออาจจะรู้
แต่เราไม่สามารถที่จะได้รับรักจากเขา
เราไม่สามารถที่จะแสดงอาการหึงหวงหรือห่วงความรู้สึกของเขาได้
เราไม่สามารถที่จะได้รับความรู้สึกรักจากเขา
หรือไม่มีโอกาสที่จะมีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน

สำหรับการอกหัก …ถึงแม้จะเสียใจ และเสียเขาไป
แต่อย่างน้อย ยังมีช่วงเวลาความรู้สึกดี ๆ . . .
ที่คุณกับเขาเคยได้มีโอกาสรักกัน
ได้มีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน…
ได้มอบความรู้สึกที่ดีๆ ให้กัน
ถึงแม้…เวลาเหล่านั้นจะผ่านไป แต่คุณก็ยังได้รับรักจากเขา
แต่การรักเขาข้างเดียวนี่สิ แย่จัง… มันเจ็บปวดจนบอกไม่ถูก

ขณะที่เพื่อนของเรากลับบอกว่า … อกหักเจ็บปวดกว่า
เพราะเสียดายความรู้สึก เสียดายวันเวลาที่ผ่านมา
เสียดายเรื่องดี ๆ ที่เคยมอบให้…

หากคุณอกหักหรือเลิกรักจากเขาแล้ว . . .
ความรู้สึกที่จะเหมือนเดิมมันยากมาก
แม้กระทั่งความเป็นเพื่อน บางทียังอาจไม่มีให้กันด้วยซ้ำ

แต่การแอบรักเขาข้างเดียว … ความรู้สึกของเพื่อน
หรือความเป็นมิตรภาพมันยังคงอยู่ต่อไป
และคุณก็ยังมีโอกาสที่จะอยู่ใกลัชิด ได้พูดคุยกับเขา
ได้รับรู้ความรู้สึกดี ๆ ของเขาบ้าง…
ในไม่ช้า. . . หากเขามีใจให้ … การรักเขาข้างเดียว
อาจจะทำให้คุณได้รับรักจากเขาได้เช่นเดียวกัน


ในขณะที่เราคิดถึงคน ๆ นึงตลอดเวลา
เค้าคนนั้นก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้
และบางครั้ง ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา โดยที่เราไม่สนใจเลยเช่นกัน

บางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า
สิ่งที่เราคิดทั้งหมด มันคือความฝันของเราเองเพียงคนเดียว
ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะจมกับความฝัน
มากกว่าการได้รับรู้ความจริง
การไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเค้า ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า...
เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4...
และหากเราเป็นที่ 10 ในใจเค้า...
ก็ขอให้คิดไว้ว่า ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเค้าเลย

แต่โปรดจำไว้เถอะว่า
หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ออกมาดัง ๆ
พร้อมกับพูดกับตัวเองว่า...ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้ว
โปรดห้ามใจเถอะ ก่อนที่ชั้นจะอ่อนล้าไปกว่านี้...

ก็จงชอบต่อไปเถอะ
การรักใครซักคน ไม่ต้องการความพยายาม
"การตัดใจ"ต่างหาก ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย
ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า ความสุขยามที่คุณได้สบตาเค้า
กับความทุกข์ยามที่คุณต้องคอยหลบตาเค้า
อันไหนมันหนักหนากว่ากัน

อย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเค้าสายเกินไป...
อย่าโทษเค้าที่ไม่มีใจให้...
อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้เราใจตรงกัน

แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง
ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป
แต่ก็ยังได้พบ...

ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา
แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...

ยิ้มให้กับโชคชะตา
ที่ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกัน

คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง
คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว

คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...
คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...


คนที่เพียงแค่ยิ้มของเค้า
ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใส
เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?

แค่การได้เห็นคนที่เรารัก
ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด
...นั่นแหละคือความสุขของการได้รัก...อย่างจริงใจ

อ. ปาย



อำเภอปาย เป็นอำเภอขนาดเล็กทางตอนเหนือของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวชมความงามตามธรรมชาติ


ที่ตั้งและอาณาเขต

อำเภอปายตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้


การปกครองส่วนภูมิภาค

อำเภอปายแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 7 ตำบล 66 หมู่บ้าน ได้แก่

1. เวียงใต้
(Wiang Tai)
8 หมู่บ้าน
2. เวียงเหนือ
(Wiang Nuea)
10 หมู่บ้าน
3. แม่นาเติง
(Mae Na Toeng)
14 หมู่บ้าน
4. แม่ฮี้
(Mae Hi)
6 หมู่บ้าน
5. ทุ่งยาว
(Thung Yao)
12 หมู่บ้าน
6. เมืองแปง
(Mueang Paeng)
9 หมู่บ้าน
7. โป่งสา
(Pong Sa)
7 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น

ท้องที่อำเภอปายประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลตำบลปาย ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลเวียงใต้
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงใต้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเวียงใต้ (นอกเขตเทศบาลตำบลปาย)
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเวียงเหนือทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาเติง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่นาเติงทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ฮี้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่ฮี้ทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งยาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งยาวทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองแปง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเมืองแปงทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งสา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโป่งสาทั้งตำบล

ภูมิศาสตร์

เป็นที่ราบแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำหลายสาย คือ น้ำปาย น้ำของ และน้ำแม่ปิงน้อย อีกทั้งมีลำห้วยอีกหลายสาย คือ ห้วยแม่เมือง ห้วยแม่เย็น และห้วยแม่ฮี้

ประวัติศาสตร์

อำเภอปายเป็นเมืองเก่าแก่ ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่เดิมคือชาวพ่ายหรือไปร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาตระกูลออสโตร-เอเชียติก สาขาว้า-เรียง ดังมีร่องรอยหลักฐานซากวิหารและเจดีย์กระจายอยู่ทั่วไปทั้งบนภูเขาสูง ที่ดอนเชิงเขา บริเวณพื้นราบลุ่มน้ำปาย บางแห่งก่อสร้างด้วยหิน เช่น ในผืนป่าบริเวณใกล้น้ำตกเอิกเกอเต่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่ปิงน้อย บางแห่งมีการขุดคูเป็นร่องลึกบนภูเขาสูงชัน มีเจดีย์บนยอดเขา

มีหลักฐานว่าเจ้าเมืองคนแรกคือ ขุนส่างปาย ในสมัยพระเจ้ามโหตรประเทศ พระราชาธิบดีเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ส่งเจ้าแก้วเมืองออกสำรวจชายแดน ได้พบว่าภูมิประเทศน่าสนใจ จึงแนะนำให้ขุนส่างปายย้ายเมืองมาตั้งฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปายเพราะเป็นที่ ราบกว้างขวาง ผู้คนจึงเรียกเมืองใหม่ว่า "เวียงใต้" ส่วนเมืองเก่าเรียกว่า "เวียงเหนือ"

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์

เมืองปายเป็นเมืองที่มีคนตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในสมัยประวัติศาสตร์บริเวณที่ตั้งเมืองปายเป็นเมืองสำคัญของล้านนาในสมัยราชวงศ์มังรายซึ่งมีเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง ต่อมาเมืองปายได้ร้างไปพร้อมกับเมืองเชียงใหม่ ประมาณปี พ.ศ. 2318-2338 เมืองปายได้ฟื้นฟูเป็นหมู่บ้านและพัฒนาเป็นอำเภอปาย โดยมีผู้คนหลายกลุ่มชาติพันธุ์อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ ได้แก่ คนไทยวน (คนเมือง) ชาวไทใหญ่ ชาวปกาเกอญอ (กะเหรี่ยง) และชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ ทั้งนี้เนื่องจากเมืองปายตั้งอยู่ในบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำไหลผ่านหลายสาย เหมาะสำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปัจจุบันเมืองปายเป็นเมืองชุมทางที่สำคัญเมืองหนึ่งบนเส้นทางระหว่าง เชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

อำเภอปายมีร่องรอยการอาศัยอยู่ของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และมีชุมชนโบราณที่ปรากฏชื่อในตำนานคัมภีร์ใบลานหลายเมือง และมีประวัติสืบต่อกันมานับร้อยปี ประกอบกับมีหลักฐานโบราณคดีปรากฏอยู่ในชุมชนโบราณดังกล่าวด้วย จากการศึกษาของพระครูปลัดกวีวัตน์ธนจรรย์ สุระมณี วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีรายงานการสำรวจว่าในเขตเมืองน้อย อำเภอปาย มีหลักฐานโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ดังนี้

  • ถ้ำผีแมน บ้านห้วยหก ตำบลเวียงเหนือ อยู่ห่างจากบ้านห้วยหกไปทางทิศตะวันตกราว 1,500 เมตร พบซากกระดูกและระแทะคล้ายรางไม้ให้อาหารสัตว์หลงเหลืออยู่ บางส่วนถูกชาวบ้านเผาไปเกือบหมดแล้ว ถ้ำผีแมนซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์นี้มีอยู่หลายแห่งในเขต จังหวัดแม่ฮ่องสอน เช่น
  • ถ้ำดอยปุ๊กตั้ง อยู่ทางทิศใต้ของบ้านห้วยเฮี้ย ตำบลเวียงเหนือ ใช้เวลาเดินทางด้วยเท้าจากหมู่บ้านประมาณ 1 ชั่วโมง พบเครื่องใช้ของมนุษย์ถ้ำมีลักษณะเช่นเดียวกันกับที่พบในถ้ำผีแมนแห่งอื่น ๆ

ชุมชนโบราณเมืองน้อย

ชุมชนโบราณเมืองน้อยเป็นชุมชนที่พบหลักฐานทางด้านโบราณคดี หลักฐานตำนาน และศิลาจารึกที่สะท้อนให้เห็นว่าเมืองน้อยเป็นเมืองสำคัญในสมัยประวัติ ศาสตร์ราชวงศ์มังราย ตั้งอยู่ในเขตตำบลเวียงเหนือ ตำแหน่งละติจูดที่ 19 องศา 30 ลิปดา 58 พิลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 98 องศา 30 ลิปดา 50 พิลิปดาตะวันออก ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร จากอำเภอปายไปทางทิศเหนือ เมื่อสองร้อยปีเศษมานี้ เมืองน้อยมีสภาพเป็นเมืองร้าง ปัจจุบันได้มีชนเผ่าปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) เข้าไปจับจองอาศัยตั้งบ้านเรือนที่บ้านเมืองน้อย โดยมีชื่อใหม่หลายหมู่บ้าน คือ บ้านหัวฝาย บ้านห้วยงู บ้ายห้วยเฮี้ย บ้านห้วยหก บ้านกิ่วหน่อ และบ้านมะเขือคัน

เมืองน้อย: ชุมชนโบราณสมัยประวัติศาสตร์

ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวเมืองน้อยว่า ในรัชกาลของพระเจ้าติโลกราช (พระญาติโลกราชะ) ปกครองเชียงใหม่ พ.ศ. 1984-2030 พระองค์มีโอรสชื่อท้าวบุญเรืองหรือศรีบุญเรืองครองเมืองเชียงราย ต่อมาถูกแม่ท้าวหอมุกกล่าวโทษ จึงให้ท้าวบุญเรืองไปครองน้อย ในที่สุดก็ถูกฆ่าตาย[1] เมื่อสิ้นสมัยพระเจ้าติโลกราชแล้ว โอรสของท้าวบุญเรือง ชื่อพญายอดเชียงราย (พระญายอดเชียงราย) ได้เสวยราชย์เป็นกษัตริย์เชียงใหม่ ปกครองได้ไม่นานถูกกล่าวหาว่า พระองค์ราชาภิเษกวันจันทร์ ถือว่าเป็นกาลกิณีแก่บ้านเมือง ไม่ประพฤติอยู่ในขนบธรรมเนียมของท้าวพระญา ไม่ประพฤติอยู่ในทศพิธราชธรรม และยังมีใจฝักใฝ่ไมตรีกับฮ่อ เสนาอำมาตย์จึงได้ล้มราชบัลลังก์และได้อัญเชิญให้ไปครองเมืองน้อย ในปี พ.ศ. 2038 พญายอดเชียงรายประทับอยู่เมืองน้อยได้ 10 ปี ก็เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2048 เมื่อพระชนมายุได้ 50 พรรษา พญาเมืองแก้ว (กษัตริย์เมืองเชียงใหม่และราชโอรสของพญายอดเชียงราย) ได้เสด็จมาถวายพระเพลิงพระศพของพญายอดเชียงรายที่เมืองน้อย และสร้างอุโบสถครอบ[2]

ครั้นพญาเมืองแก้วเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2068 เสนาอำมาตย์ได้อัญเชิญพระอนุชาจากเมืองน้อยให้มาครองราชย์เชียงใหม่และราชาภิเษกเป็นพระเมืองเกษเกล้า (พระญาเมืองเกส) ในปี พ.ศ. 2069 พระองค์ครองราชย์จนถึง พ.ศ. 2081 (พระเมืองเกษเกล้าครองราชย์เมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2068-2081 ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2086-2088) เสนาอำมาตย์ไม่ชอบใจได้ปลดพระองค์ออกจากราชบัลลังก์ และอัญเชิญท้าวซายคำราช โอรสให้ครองราชย์แทนในปี พ.ศ. 2081 ท้าวซายคำประพฤติตนไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม เสนาอำมาตย์ได้ลอบปลงพระชนม์ในปี พ.ศ. 2086 และได้อัญเชิญพระเมืองเกษเกล้าจากเมืองน้อยมาครองราชย์ในเมืองเชียงใหม่เป็น ครั้งที่ 2[3]

บ้านเมืองน้อยมีโบราณสถานขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดเจดีย์หลวง" ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ มีแนวกำแพงกำหนดเขตพุทธาวาสขนาด 80 x 100 x 1 เมตร ขนาดชุกชีวิหาร ฐานชุกชีอุโบสถขนาด 4 x 8.50 เมตร (สันนิษฐานว่าเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพญายอดเชียงราย) ซุ้มประตูโขงด้านทิศตะวันออก เจดีย์ขนาด 11 x 11 x 17 เป็นเจดีย์แบบเชิงช้อนย่อเหลี่ยม บางส่วนยังมีลวดลายการก่ออิฐทำมุม เจดีย์ถูกสร้างขึ้นจากอิทธิพลของศิลปะเชียงใหม่ในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 เจดีย์ถูกขุดค้นหาสมบัติลักษณะแบบผ่าอกไก่จากยอดถึงฐานต่ำสุด มีหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ทำให้มองเห็นฐานรากของการก่อสร้างเจดีย์ที่ใช้ก้อนหินธรรมชาติขนาดใหญ่วาง ซ้อนกันเป็นฐานราก ก้อนอิฐที่ใช้ก่อสร้างมีขนาด 6 x 11 นิ้ว และในบริเวณวัดเจดีย์หลวงยังพบจารึกบนแผ่นอิฐ 2 ชิ้น

จารึกหลักแรกพบในบริเวณด้านเหนือของโบราณสถาน จารึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยวน จำนวน 3 บรรทัด บรรทัดที่ 2-3 จารึกกลับหัว จากบรรทัดที่ 1 ความว่า "(1) เชแผง (2) เนอ เหย เหย (3) ฅนบ่หลายแล แล แล" ความในจารึกชิ้นนี้กล่าวถึงนายเชแผง ผู้เป็นหนึ่งในผู้ปั้นอิฐในการก่อสร้างศาสนสถานแห่งนี้ รำลึกถึงคนจำนวนไม่มากนักในการสร้างศาสนสถานแห่งนี้หรือในเมืองนี้

จารึกหลักที่สองพบก่อร่วมกับอิฐก้อนอื่น ๆ ในบริเวณแนวกำแพงด้านใต้ของโบราณสถาน จารึกด้วยอักษรฝักขาม ภาษาไทยวน จำนวน 1 บรรทัด ส่วนครึ่งแรกหายไป ส่วนครึ่งหลังอ่านได้ใจความว่า "สิบกา (บ)" จารึกชิ้นนี้บอกผู้ปั้นว่าสิบกาบ คำว่า "สิบ" อาจหมายถึงตำแหน่งขุนนางล้านนาสมัยโบราณ เรียกว่า "นายสิบ" หรือเนื่องจากอิฐส่วนหน้าที่หักหายไปบริเวณกี่งกลางของก้อนอิฐนั้น คำว่า "สิบกา(บ)" อาจสันนิษฐานได้ว่า ข้อความเต็มด้านหน้าที่หายไปเป็น "(ห้า) สิบกาบ" หรือขุนนางระดับนายห้าสิบก็อาจเป็นได้[4]

วิวรรณ์ แสงจันทร์ กล่าวว่า จากหลักฐานโบราณคดี ซากวัดร้างต่าง ๆ จำนวน 30 แห่งในเมืองน้อย รวมทั้งวัดเจดีย์หลวงและข้อความที่พบสะท้อนให้เห็นว่า ชุมชนที่นี่เป็นเมืองใหญ่ในอดีตมีฐานะทางเศรษฐกิจดีพอที่จะสร้างศาสนสถาน ขนาดใหญ่จำนวนมากได้

ชุมชนโบราณบ้านเวียงเหนือ

นอกจากเมืองน้อยแล้ว เมืองปายยังพบชุมชนโบราณที่บ้านเวียงเหนือ ตำบลเวียงเหนือ ตั้งอยู่ในตำแหน่งละติจูด 19 องศา 22 ลิปดา 34 พิลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 27 ลิปดา 17 พิลิปดาตะวันออก

เมืองปายมีหลักฐานตำนานกล่าวถึงประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ในสมัยพญาแสนภู (พระญาแสนพู) กษัตริย์เชียงใหม่ (พ.ศ. 1868-1877) สร้างเมืองเชียงแสน พ.ศ. 1871 ได้กำหนดให้เมืองปายเป็นเมืองขึ้นของพันนาทับป้องของเมืองเชียงแสนในสมัย นั้น (พงศาวดารโยนก หน้าตำนานเชียงแสนว่า เมืองจวาดน้อย/จวาดน้อย/สันนิษฐานว่าเป็นคำเดียวกับคำว่าชวาดน้อย)

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2028 ปีมะเส็ง สัปตศก (วันศุกร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ จุลศักราช 847 ปีดับใส้) เจ้าเถรสีลสังยมะให้หล่อพระพุทธรูปเวลารับประทานอาหารเช้า (ยามงาย)[5]

พ.ศ. 2032 มหาเทวี (พระมารดาพญายอดเชียงราย) พระราชทานที่ถวายพระมหาสามีสัทธัมมราชรัตนะ ก่อสร้างมหาเจดีย์ มหาวิหาร ผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดศรีเกิด (ปัจจุบันชาวบ้านเรียกวัดหนองบัว (ร้าง) บ้านแม่ฮี้ ตำบลแม่ฮี้) พ.ศ. 2033 มีการถวายข้าทาสอุปัฏฐากพระมหาสามีสัทธัมมราชรัตนะ อุโบสถ มหาวิหาร มหาเจดีย์ พระพุทธรูป ห้ามไม่ให้ผู้ใดนำข้าทาสเหล่านี้ไปทำงานอื่นหากยังเคารพนับถือพญายอด เชียงรายอยู่ หากฝ่าฝืนขอให้ตกนรกอเวจี[6]

พ.ศ. 2044 ปีระกา ตรีศก เจ้าหมื่นพายสรีธัม(ม์)จินดา หล่อพระพุทธรูปหนักสี่หมื่นห้าพันทอง เดือนเจ็ด ไว้ในอุโบสถวัดดอนมูน เมืองพายแล (เมืองพาย/อำเภอปาย) (ปัจจุบันพระพุทธรูปนี้เก็บรักษาไว้ ณ วัดหมอแปง ตำบลแม่นาเติง ดร.ฮันส์ เพนธ์ คลังข้อมูลจารึกล้านนา สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ่านฐานพระพุทธรูปวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ความว่า "ในปีร้วงเร้า สักราชได้ ๘๖๓ ตัว เจ้าหมื่นพายสรีธัมจินดา ส้างรูปพระพุทธะเป็นเจ้าตนนี้ สี่หมื่นห้าพันทอง ในเดือนเจ็ด ไว้ในอุโบสถวัดดอนมูน เมืองพายแล" (ดร.ฮันส์ เพนธ์กล่าวว่า "หมื่น" เป็นตำแหน่งเจ้าเมืองพาย ตำแหน่งใหญ่เทียบเท่าเมืองเชียงแสน เมืองลำปาง และ 1 ทอง เท่ากับ 1.1 กรัม)

พ.ศ. 2124 ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่า พญาลำพูนมาครองเมืองปาย (พลาย)[7]

พ.ศ. 2283 ปรากฏชื่อวัดป่าบุก ตั้งอยู่ทิศใต้ของเมืองปาย (พลาย) ช้างตัวผู้ ดังความว่า "วัดป่าบุก ใต้เมืองพายช้างพู้" (คัมภีร์ ธัมมปาทะ (ธรรมบท) ปัจจุบันเก็บไว้ที่วัดดวงดี อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

พ.ศ. 2330 เมืองปายรวมตัวกับเมืองพะเยา เมืองเชียงราย เมืองฝาง เมืองปุ และเมืองสาดขับไล่พม่า แต่เมืองพะเยาทำการไม่สำเร็จ[8]

พ.ศ. 2412 ขณะที่พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. 2399-2413) ลงไปถวายบังคมกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกรุงเทพมหานครว่า ฟ้าโกหล่านเมืองหมอกใหม่ ยกกองทัพมาตีเมืองปายซึ่งสมัยนั้นมีฐานะเมืองขึ้นของเชียงใหม่ เจ้าราชภาคีไนย นายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์รักษาการเมืองเชียงใหม่ ทำหนังสือถึงเจ้าเมืองลำปางและเมืองลำพูนให้ มาช่วยเมืองปาย หลังจากนั้นเจ้านายและกองทัพจากสามเมือง ยกกำลังมาช่วยเมืองเชียงใหม่รบกับกองทัพของฟ้าโกหล่าน โดยมีนายบุญทวงศ์ นายน้อยมหาอินท์คุมกำลัง 1,000 คนจากเมืองลำปาง มีนายน้อยพิมพิสาร นายหนายไชยวงศ์คุมกำลัง 1,000 คนจากเมืองลำพูน มีนายอินทวิไชย นายน้อยมหายศคุมกำลัง 500 คน แต่ไม่สามารถป้องกันเมืองปายได้ กองทัพฟ้าโกหล่านจุดไฟเผาบ้านเรือนในเมืองปาย กวาดต้อนผู้คนและครอบครัวไปอยู่เมืองหมอกใหม่ กองทัพทั้งสามเมืองจึงได้ติดตามไปถึงฝั่งแม่น้ำสาละวิน แต่ตามไม่ทันจึงได้เดินทางกลับ

พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริว่า ตั้งแต่เมืองปายถูกฟ้าโกหล่านตีแตก จุดไฟเผาบ้านเมือง กวาดต้อนผู้คนไปเมืองหมอกใหม่แล้ว เมืองปายมีสภาพเป็นร้างบางส่วน ไม่มีผู้รักษาเมือง ทั้งยังถูกกองทัพเงี้ยวและลื้อกวาด ต้อนครอบครัวไปอยู่เป็นประจำ จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งพระยาชัยสงคราม (หนานธนันไชย บุตรราชวงศ์มหายศ) เป็นพระยาเกษตรรัตนอาณาจักรไปปกครองเมืองปาย ให้ยกเอาคนจากเมืองเชียงใหม่ไปตั้งเมืองปาย ให้เป็นภูมิลำเนาบ้านเรือนเหมือนเดิม เพื่อจะได้ป้องกันรักษาด่านเมืองเชียงใหม่[9]

พ.ศ. 2438 พระยาดำรงราชสิมา ผู้ว่าราชการเมืองปาย ถูกพวกแสนธานินทร์พิทักษ เจ้าเมืองแหงปล้น แล้วแสนธานินทร์พิทักษประกาศเกลี้ยกล่อมคนเมืองปั่น เมืองนาย เมืองเชียงตอง และเมืองพุมา รบเมืองปาย โดยจะเก็บริบเอาทรัพย์สิ่งของให้หมด พระยาทรงสุรเดชพร้อมด้วยเจ้าเมืองเชียงใหม่ได้ประชุมเจ้านายหกตำแหน่งมอบ หมายให้เจ้าอุตรโกศลออกไปปราบปราม[10]

วันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ส่างนันติ คนในบังคับอังกฤษ ใช้ดาบฟันส่างสุนันตาและเนอ่อง คนในบังคับสยามตาย ณ ตำบลกิ่วคอหมา แขวงเมืองปาย และนำทรัพย์สินไปมูลค่าประมาณ 1,000 บาท ศาลต่างประเทศ เมืองนครเชียงใหม่ได้ตัดสินประหารชีวิต (คำพิพากษาที่ 25/125 ศาลต่างประเทศ เมืองนครเชียงใหม่ วันที่ 24 สิงหาคม รัตนโกสินทร์ศก 125 อ้างในศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2535/คำพิพากษานี้เป็นคำพิพากษาในสมัยที่สยาม (ไทย) ตกอยู่ภายใต้เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตตามสนธิสัญญาเบาว์ริง พ.ศ. 2398) และจำเลยได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์กรุงเทพ ได้ยกฟ้องอุทธรณ์ของจำเลย และให้ประหารชีวิตตามคำพิพากษาศาลล่าง (คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ 20 ปี ค.ศ. 1906 อ้างในศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. 2536)

พ.ศ. 2454 กระทรวงมหาดไทยได้ยกเลิกการปกครองเมือง เปลี่ยนฐานะเมืองปายเป็น อำเภอปาย และได้แต่งตั้งหลวงเจริญเขตเขลางค์นคร (สอน สุขุมมินทร์) เป็นนายอำเภอคนแรกระหว่างปี พ.ศ. 2454-2468

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

  • น้ำตกหมอแปง
  • วัดกลาง
  • วัดพระธาตุศรีวิชัย
  • วัดน้ำฮู
  • หมู่บ้านกะเหรี่ยงแม่ปิง
  • เจดีย์พระธาตุแม่เย็น
  • โป่งน้ำร้อนท่าปาย
  • น้ำตกแม่เย็น
  • กองแลน
  • น้ำพุร้อนเมืองแปง
  • ห้วยจอกหลวง
  • ถนนคนเดิน ปาย
  • สะพานข้ามแม่น้ำปาย







แม่มดน้อยโดเรมี



แม่มดน้อยโดเรมี เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น แนวสาวน้อยเวทมนตร์ แบบออริจินอล (แต่งเรื่องขึ้นมาเอง ไม่ได้สร้างจากหนังสือการ์ตูน) ที่ทาง โตเอแอนิเมชัน ไม่ได้สร้างมานานถึง 15 ปี แต่งโดย อิซึมิ โทโด ต่อมาได้ถูกนำไปสร้างเป็นอะนิเมะ มังงะ (วาดโดย ชิซึเอะ ทาคานาชิ) และเกม หลายภาคด้วยกัน

ตัวละครหลัก

ฮารุคาเซะ โดเรมี (ญี่ปุ่น
春風どれみ Harukaze Doremi ?)
วันเกิด : 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1990
ราศี : กรกฏ (ปู)
กรุ๊ปเลือด : B
อายุ : 12ปี
สูง : 156ซม.
หนัก : 28กก.
รูปร่าง : สูงนิดๆผอมมากจนอายเพราะหนักน้อยกว่าน้องสาว
บิดา : ฮารุคาเซะ เคสุเกะ (นักเขียนประจำนิตยสารตกปลา)
มารดา: ฮารุคาเซะ ฮารุกะ (แม่บ้าน)
น้องสาว : ฮารุคาเซะ ป๊อป
สีประจำชุดเวทมนตร์ : สีชมพู (แต่โดเรมี มักเข้าใจผิดเรื่องสีชุดในบางครั้ง โดยเมื่อครั้งแปลงร่างเป็นมาโจเรนเจอร์ เธอทึกทักว่าสีชุดของเธอเป็นสีแดงและตั้งชื่อว่ามาโจเรด ทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นชุดสีชมพู)
ฟุจิวาระ ฮาซึกิ (ญี่ปุ่น
藤原はづき Fujiwara Hazuki ?)
วันเกิด : 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1991
ราศี : กุมภ์ (คนโท)
กรุ๊ปเลือด : A
อายุ: 11ปี
สูง : 151ซม.
หนัก : 35กก.
บิดา : ฟุจิวาระ อาคิระ (ผู้กำกับภาพยนตร์)
มารดา : ฟุจิวาระ เรโกะ (นักออกแบบตกแต่งภายใน)
สีประจำชุดเวทมนตร์ : สีส้ม
เซโนโอะ ไอโกะ (ญี่ปุ่น
妹尾あいこ Senoo Aiko ?)
วันเกิด : 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990
ราศี : พิจิก (แมงป่อง)
กรุ๊ปเลือด : O
อายุ : 12ปี
สูง : 154ซม.
หนัก : 37กก.
บิดา : เซโนโอะ โคจิ (คนขับแท็กซี่)
มารดา : โอกามุระ อาสึโกะ (ทำงานดูแลคนชราที่สถานสงเคราะห์คนชรา นิโกะนิโกะ โฮม)
สีประจำชุดเวทมนตร์ : สีฟ้า
ฮารุคาเซะ ป๊อป (ญี่ปุ่น
春風ぽっぷ Harukaze Poppu ?)
วันเกิด : 9 กันยายน ค.ศ. 1993
ราศี : กันย์ (หญิงสาว)
กรุ๊ปเลือด :AB
อายุ : 9ปี
สูง : 145ซม.
หนัก : 34กก.
บิดา : ฮารุคาเซะ เคสุเกะ (นักเขียนประจำนิตยสารตกปลา)
มารดา : ฮารุคาเซะ ฮารุกะ (แม่บ้าน)
พี่สาว : ฮารุคาเซะ โดเรมี
สีประจำชุดเวทมนตร์ :สีแดง


เซงาวะ อมปุ (ญี่ปุ่น
瀬川おんぷ Segawa Onpu ?)
วันเกิด : 3 มีนาคม ค.ศ. 1991
ราศี : มีน (ปลา)
กรุ๊ปเลือด : B
อายุ : 11ปี
สูง : 150ซม.
หนัก : 34กก.
บิดา : เซงาวะ สึโยชิ (พนักงานขับรถไฟตู้นอน)
มารดา : เซงาวะ มิโฮะ (ผู้จัดการส่วนตัวของอมปุ) สมัยเป็นไอดอล เคยใช้ชื่อว่า ซากุระอิ คุราระ (คลารา)
สีประจำชุดเวทมนตร์ : สีม่วง
อาสึกะ โมโมโกะ (ญี่ปุ่น
飛鳥ももこ Asuka Momoko ?)
วันเกิด : 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1990
ราศี : พฤษภ (วัว)
กรุ๊ปเลือด : AB
อายุ : 12ปี
สูง : 153ซม.
หนัก : 35กก.
บิดา : อาสึกะ เคนโซ (สถาปนิก)
มารดา : อาสึกะ มิโนริ (ช่างภาพ)
สีประจำชุดเวทนตร์ : สีเหลือง
ฮานะจัง (ญี่ปุ่น
ハナちゃん Hana-chan เวลาอยู่โลกมนุษย์ ใช้ชื่อว่า มากิฮาตายามะ ฮานะ ?)
วันเกิด : 25 มีนาคม ค.ศ. 2000
ราศี : ราศีมีน (ปลา)
กรุ๊ปเลือด : ไม่มี
บิดา : ไม่มี (แต่บางครั้งฮานะจัง มักจะคิดว่า โอยาจิเด้ คือ พ่อ)
มารดา : เหล่าแม่มดฝึกหัดที่ร้านเวทมนตร์ทุกคน แต่ความจริงแล้วเกิดจากดอกไม้ที่ชื่อว่า วิช ควีน โรส ในสวนดอกไม้ขององค์ราชินี
สีประจำชุดเวทมนตร์ : สีขาว

ตัวละครอื่นๆ

  • มาโจริก้า
ชื่อจริง มาคิฮาตายามะ ริกะ แต่ถูกโดเรมีรู้ตัวตริง จึงกลายเป็นลูกอ๊อด
  • ลาล่า
ภูตของมาโจริก้า
  • ปาโอะจัง
ช้างเผือกจากโลกเวทมนตร์ (ช่วงหลังเป็นทั้งเพื่อนและสัตว์เลี้ยงคู่ใจของฮานะจัง) ซึ่งมีความสามรถในการกำจัดความโศกเศร้าที่เกิดจากอดีตองค์ราชินีได้ โดยเล่นเพลงร่วมกับฮานะจัง
  • คุณครูเซกิ
ครูประจำชั้นป.3/2, ป.4/2, ป.5/1 และ ป.6/1 เป็นครูประจำชั้นของพวกโดเรมีมาตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง นอกจากนี้ยังเป็นสิงห์สาวนักบิดฝีมือดีอีกด้วย
  • คุณครูนิชิซาวะ ชื่อเต็ม คือ ยูกะ นิชิซาวะ
ครูประจำชั้นป.5/2 และ ป.6/2 เป็นครูประจำชั้นที่มาทำหน้าที่แทน ครูอิชิกาวะที่ลาออกไป และยังเป็นรุ่นน้องของครูเซกิสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยด้วย
  • คุณครูยูกิ

ครูประจำห้องพยาบาลของโรงเรียนมิโซระ แต่เบื้องหลังคือ ราชีนีองค์ปัจจุบันของโลกแม่มด

  • อเล็กซานเดอร์ ที (ทาโกะซากุ) โอยาจิเด้
อดีตจอมโจรจากโลกแห่งเวทมนตร์ ที่ถูกจับขังไว้ในคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันเป็นพี่เลี้ยงในโรงเรียนอนุบาลแห่งโลกแม่มด เป็นพ่อมดคนเดียวที่อาศัยในโลกแม่มด
  • องค์ราชินีแห่งโลกแม่มด

แท้จริงแล้วก็คือ คุณครูยูกิ ครูประจำห้องพยาบาลของโรงเรียนมิโซระนั่นเอง (ภาค 4 ตอนที่ 50)

  • อดีตองค์ราชินีแห่งโลกแม่มด
ชื่อจริงของเธอ คือ มาโจทรูเบียน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับขนมที่สามีที่เป็นมนุษย์ทำให้เพื่อขอแต่งงาน (ภาค 3 ตอนที่ 48) มีลูก 1 คน คืออังรี และมีหลาน 6 คน เรียงตามลำดับอายุคือ อินกริด, นาตาชา, มาริแอนน์, ลอรา, แองเจลา และรอย (หลานชายคนเดียว) อินกริดอายุมากกว่านาตาชา 2 ปี, นาตาชาอายุมากกว่ามาริแอนน์ 2 ปี, มาริแอนน์อายุมากกว่าลอรา 3 ปี, ลอราอายุมากกว่าแองเจลา 1 ปี และแองเจลาอายุมากกว่ารอย 2 ปี
  • เพื่อนๆในโรงเรียนมิโซระ
    • ชั้น ป.5/1 และ ป.6/1
      • อดีต ป.3/2 และ ป.4/2
        • โคทาเกะ เท็ตสึยะ เด็กหนุ่มที่แอบชอบโดเรมีตั้งแต่เข้าร่วมเรียนชั้นป.1 แต่ไม่กล้าบอกรักโดยตรง มักแสดงออกด้วยการกลั่นแกล้งโดเรมีต่างๆนาๆเพื่อต้องการใกล้ชิดกับโดเรมี มักเรียกโดเรมีว่าโดจิมิ
        • ทามากิ เรกะ
        • ชิมาคุระ คาโอริ
        • ซึกิยาม่า โทโยคัตสึ
        • โยโกคาว่า โนบุโกะ
        • ยาดะ มาซารุ
        • โอคุยามะ นาโอมิ
        • คุโด้ มุตซึมิ
        • โอคาดะ นานาโกะ
        • ฮามาดะ อิโตโกะ
      • อดีต ป.3/1 และ ป.4/1
        • รินโนะ มาซาโตะ
        • โอกุระ เคนจิ
        • มารุยามะ มิโฮะ
        • อิโต โคจิ
        • ฮาเซเบะ ทาเคชิ
        • นากาจิม่า มาซาโยชิ
        • นากาโตะ คาโยโกะ
        • ฮางิวาร่า ทาคุโระ
        • ฮิราโนะ อิจิโร่
        • ซาโต้ นัทซึมิ
        • โอคาจิม่า โคทาโร่
        • มันดะ จุนจิ
        • ยามาโมโต้ เคโกะ
        • มิยามาเอะ โซระ
        • คิคุจิ ฮาจิเมะ
        • โมริคาว่า ได
        • คิเนะ ฮิโรโกะ
    • ชั้น ป.5/2 และ ป.6/2
      • อดีต ป.3/2 และ ป.4/2
        • ซางาวะ ยูจิ
        • โอตะ ยูทากะ
        • ไอดะ คานาเอะ
        • ยามาอุจิ โนบุอาคิ
        • มิยาโมโต้ มาซาฮารุ
        • นาคายาม่า ชิโอริ
        • ฮายาชิ เรียวตะ
        • โคอิซึมิ มารินะ
        • ฮิกุจิ มากิ
        • ฮานาดะ ชิโนะ
        • คิมูระ ทาคาโอะ
        • ทานิยามะ โชตะ
        • ยานางิดะ ซูซูมุ
        • อามาโนะ โคตะ
        • นากาตะ โกจิ
        • วาตาเบะ มิจิอากิ
      • อดีต ป.3/1 และ ป.4/1
        • ซาโต้ จุน
        • คาโนะ โนริโกะ
        • โยชิดะ คาซึยะ
        • วาดะ มินโตะ
        • อูเมโนะ ยูคาริ
        • มัตซึชิตะ อายะ
        • มันดะ โยโกะ
        • โคยาม่า ยูโกะ
        • อิจูอิน ซาจิโกะ
        • อิซึกะ เคนตะ
        • ทาคากิ มานาบุ
  • FLAT 4 (ฟุจิโอะ, เลออน, อาคัทสึกิ และโทรุ)
  • ตัวละครพิเศษ ที่ปรากฏออกมาในภาค Naisho
    • ฮาริมะ เคนอิจิ
เพื่อนสมัยเด็กของ ไอโกะ ที่อ้างว่าเป็นคู่หมั้นกัน (แต่ความจริงแล้วเจ้าตัวทึกทักคิดไปเอง) เป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับทุกอย่าง และมีลูกทะเล้นๆอยู่กับตัวมากมาย ที่มาถึงเมืองมิโซระได้ เพราะลอบหนีออกจากบ้านมา โดยบอกกับไอโกะว่า ทนไม่ไหวที่ต้องเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน แต่สุดท้ายก็ได้กลับไปโอซาก้าเหมือนเดิม
    • วากุ โนโซมิ
เป็นเด็กที่เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ชิโอริรักษาตัวอยู่เนื่องจากเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) พบกับโดเรมีโดยบังเอิญจึงเป็นเพื่อนกัน และมีความ ฝันว่าอยากจะเป็นแม่มดเหมือนกับโดเรมี ในที่สุดก็ได้เป็นแม่มดฝึกหัดสมใจ เนื่องจากการคิดไปเองเพียงฝ่ายเดียวของโดเรมี ที่ทึกทักไปว่าโนโซมิ ล่วงรู้ความลับของการเป็นแม่มดของเธอ (และพ้องกับเหตุการณ์ที่โนโซมิวาดชุดแม่มดน้อยของเธอซึ่งคล้ายกับชุดแม่มด น้อยฝึกหัดในโลกแม่มด) ทำให้โดเรมีจำยอมและกลายเป็นเพื่อนเล่นในที่สุด หลังจากที่โนโซมิได้เป็นแม่มดฝึกหัดได้ไม่นาน โนโซมิล้มป่วยอย่างหนัก สุดท้ายแล้วโนโซมิที่ฝืนอาการป่วยไว้ไม่ไหว จึงเสียชีวิตอย่างสงบในที่สุด
    • ฟามี
เป็นเด็กผู้หญิงลึกลับที่เข้ามาตีสนิทกับโดเรมี โดยมีลักษณะนิสัยคล้ายกับโดเรมีหลายอย่าง แต่แท้ที่จริงแล้วเธอเป็นหลานของโดเรมีในอนาคต (โดยโดเรมี ในอนาคตนั้นเป็นคุณยายที่ฟามีรักมากที่สุด) และที่สำคัญ เธอยังเป็นแม่มดฝึกหัดอีกด้วย แต่ว่าความจริงทุกอย่างเธอไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้เลย รวมถึงการเป็นอยู่ของโลกแม่มดในอนาคต

[แก้] อะนิเมะ

ออกอากาศตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 ถึง 26 มกราคม พ.ศ. 2546 ทุกเช้าวันอาทิตย์ เวลา 8.30-9.00 น. ทางสถานีทีวีอาซาฮี (ABC) รวมทั้งสิ้น 4 ภาคด้วยกัน ได้แก่

  • แม่มดน้อยโดเรมี (Ojamajo Doremi) จำนวน 51 ตอน ออกอากาศตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2542 ถึง 30 มกราคม 2543
  • แม่มดน้อยโดเรมี ชาร์ป (Ojamajo Doremi ♯) จำนวน 49 ตอน ออกอากาศตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์ 2543- 28 มกราคม 2544
  • โม๊ตโตะ แม่มดน้อยโดเรมี (Mo~tto! Ojamajo Doremi) จำนวน 50 ตอน ออกอากาศตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ 2544- 27 มกราคม 2545
  • แม่มดน้อยโดเรมี โดคคัง (Ojamajo Doremi Dokka-n) จำนวน 51 ตอน ออกอากาศตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ 2545- 26 มกราคม 2546

นอกจากนี้ยังมีภาคภาพยนตร์จอเงิน อีก 2 ภาค ได้แก่

  • แม่มดน้อยโดเรมี ชาร์ป (Ojamajo Doremi # Movie: Poppu and the Queen's Cursed Rose) (ออกฉายในเทศกาล โตเออะนิเมะแฟร์ วันที่ 8 กรกฎาคม 2543)
  • โม๊ตโตะ แม่มดน้อยโดเรมี (ตอน ความลับของหินรูปกบ) (も~っと! おジャ魔女どれみ カエル石のひみつ, Mōtto! Ojamajo Doremi: Kaeru-Ishi no Himitsu?) (ออกฉายในเทศกาล โตเออะนิเมะแฟร์ วันที่ 7 กรกฎาคม 2544)

และภาคพิเศษ อีก 1 ภาค ได้แก่

  • แม่มดน้อยโดเรมี ไนโชะ (Ojamajo Doremi Na-I-Sho) จำนวน 13 ตอน

ในประเทศไทย

ในประเทศไทย แม่มดน้อยโดเรมี ได้ออกอากาศทาง โมเดิร์นไนน์ทีวี ทุกเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเวลาของโมเดิร์นไนน์การ์ตูน (ช่อง 9 การ์ตูนในอดีต) ปัจจุบันออกอากาศจบชุดไปแล้วทั้ง 4 ภาค ส่วนภาคพิเศษต่างๆ ได้มีการนำมาออกอากาศในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ นอกจากนี้ยังมีการผลิตเป็นวีซีดี โดยบริษัท เอ.จี. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งก็ออกวางจำหน่ายจนครบชุดแล้วเช่นกัน (เฉพาะภาคทีวีเท่านั้น)

เวลาและช่วงเวลาออกอากาศ มีดังนี้

  • แม่มดน้อยโดเรมี (Ojamajo Doremi)
6 เมษายน - 29 กันยายน พ.ศ. 2545 เวลา 9.30-10.00 น.
  • แม่มดน้อยโดเรมี ชาร์ป (Ojamajo Doremi ♯)
30 มีนาคม - 14 กันยายน พ.ศ. 2546 เวลา 9.30-10.00 น.
(ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป จะออกอากาศในเวลา 9.00-9.30 น. เนื่องจากมีการปรับผังของโมเดิร์นไนน์ ทีวี เฟส 3)
  • โม๊ตโตะ แม่มดน้อยโดเรมี (Motto! Ojamajo Doremi)
15 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม พ.ศ. 2547 เวลา 9.00-9.30 น.
    • Note :
      • ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ใช้ชื่อเรื่องในภาคโม๊ตโตะ ว่าแม่มดน้อยโดเรมี อังกอร์ (encore)
      • VCD 3 ภาคแรก บ.AG ใช้ชื่อเรื่องบนปกว่า เมจิเคิล โดเรมี ,เมจิเคิล โดเรมี ♯ ,เมจิเคิล โดเรมี ปี 3 ตามลำดับ
  • แม่มดน้อยโดเรมี โดคคัง (Ojamajo Doremi Dokka-n)
14 สิงหาคม พ.ศ. 2548 - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เวลา 8.30-9.00 น.
    • Note :
      • ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ใช้ชื่อเรื่องว่า แม่มดน้อยโดเรมี ปี 4
      • ส่วนVCD โดย เอ.จี. นั้น บนปกจะใช้ชื่อทับศัพท์ชื่อในภาษาญี่ปุ่น คือ โอจามาโจ โดเรมี โดคคัง และในVCD พากษ์ว่า แม่มดน้อยจอมยุ่งโดเรมี ภาคสุดท้าย
  • แม่มดน้อยโดเรมี ไนโชะ (Ojamajo Doremi N-a-i-s-h-o) ออกอากาศในวันหยุดนักขัตฤกษ์

ดูเพิ่มเติมใน รายชื่อตอนของ Ojamajo Doremi Na-i-sho

[แก้] ทีมงานผู้สร้างหลัก

ผู้ให้เสียงตัวละครหลัก

ญี่ปุ่น

[แก้] ไทย (ช่อง 9)

ผู้ให้เสียงตัวละครอื่นๆญี่ปุ่น

โรงเรียนประถมมิโซระ ห้องป.3/2 ปีการศึกษา 1999 และป.4/2 ปีการศึกษา 2000 เรียงตามลำดับที่นั่งซ้ายไปขวา แถวหน้าไปหลัง (6 แถวๆ ละ 5 คน)

เพลงประกอบ

เพลงโอเพนนิ่ง

  • คำว่า 'วงมาโฮโด' (วงบ้านเวทมนตร์) หมายถึงนักพากย์ตัวละครหลัก ซึ่งมีตั้งแต่วงมาโฮโด 3 คน ซึ่งประกอบด้วย ชิบะ ชิเอมิ (ผู้พากย์เสียงฮารุคาเซะ โดเรมี) , อากิยะ โทโมโกะ (ผู้พากย์เสียงฟุจิวาระ ฮาซึกิ) และมัตสึโอกะ ยูกิ (ผู้พากย์เสียงเซโนโอะ ไอโกะ)
  • วงมาโฮโด 4 คน มีชิชิโดะ รุมิ (ผู้พากย์เสียงเซงาวะ อมปุ) เพิ่มเข้ามาจากวงมาโฮโด 3 คน
  • วงมาโฮโด 5 คน มีมิยาฮาระ นามิ (ผู้พากย์เสียงอาซึกะ โมโมโกะ) เพิ่มเข้ามาจากวงมาโฮโด 4 คน
  • วงมาโฮโด 6 คน มีโอทานิ อิคุเอะ (ผู้พากย์เสียงฮานะจัง) เพิ่มเข้ามาจากวงมาโฮโด 5 คน
  • แม่มดน้อยโดเรมี
เพลง Ojamajo Carnival!! (おジャ魔女カーニバル!!) ขับร้องโดย วงมาโฮโด 3 คน
  • แม่มดน้อยโดเรมี ชาร์ป
เพลง Ojamajo wa koko ni iru (おジャ魔女はココにいる) ขับร้องโดย วงมาโฮโด 4 คน
  • แม่มดน้อยโดเรมี อังกอร์
เพลง Ojamajo de BAN² (おジャ魔女でBAN²) ขับร้องโดย วงมาโฮโด 5 คน
  • แม่มดน้อยโดเรมี ดคคัง (ภาคสุดท้าย)
เพลง DANCE! Ojamajo (DANCE! おジャ魔女) ขับร้องโดย วงมาโฮโด 6 คน
  • แม่มดน้อยโดเรมี ไนโชะ (ภาคพิเศษ)
เพลง NA-I-SHO YO! Ojamajo (ナ・イ・ショ・Yo! おジャ魔女) ขับร้องโดย วงมาโฮโด 5 คน

[แก้] เพลงเอนดิ้ง

  • แม่มดน้อยโดเรมี
เพลง ojamajo canival ขับร้อง โดย มาโฮโด
เพลง Kitto Ashi wa (きっと明日は) ขับร้องโดย ซาเอโกะ ชู
  • แม่มดน้อยโดเรมี ชาร์ป
เพลง Koe wo Kikasete (声をきかせて) ขับร้องโดย มาโฮโด
  • แม่มดน้อยโดเรมี อังกอร์
เพลง Takaramono (たからもの) ขับร้องโดย ยูอิ โคมูโระ
  • แม่มดน้อยโดเรมี ดคคัง (ภาคสุดท้าย)
เพลง Watashi no Tsubasa (わたしのつばさ) ขับร้องโดย มาซามิ นาคาจิ
เพลง Ojamajo Ondo de Happippi!! (おジャ魔女音頭でハッピッピ!!) ขับร้องโดย มาโฮโด
  • แม่มดน้อยโดเรมี ไนโชะ (ภาคพิเศษ)
เพลง Suteki Mugendai (ステキ∞(ムゲンダイ)) ขับร้องโดย มาโฮโด (ตอนที่ 1-11,13)
เพลง Takaramono (たからもの) ขับร้องโดย ยูอิ โคมูโระ (เฉพาะตอนที่ 12)



กีฬากล์อฟ :]]

ประวัติกีฬากอล์ฟ

กอล์ฟ เป็นกีฬาที่เล่นในยามว่าง และแข่งขันกันทั้งระดับสมัครเล่นและระดับอาชีพ เป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในความนิยมระดับโลก ผู้เล่นจะมีไม้หลายอันเป็นชุด แต่จะต้องไม่เกิน 14 อัน ใช้ตีลูกเล็กๆ จบกันเป็นหลุมต่อเนื่องกันไป อาจจะ 9 หรือ 18 หลุมตามแต่กำหนด โดยนับการตีจำนวนครั้งน้อยที่สุดจะดีที่สุด สนามต่างๆ ที่ใช้เล่นได้รับการออกแบบมาให้มีระยะทาง อุปสรรคต่างๆ ในแต่ละหลุมเช่นอุปสรรคน้ำ บังเกอร์ทราย ต้นไม้ ความลาดเทของสนามและกรีน เป็นต้น เพื่อให้มีความยากง่ายและความท้าทายในการเล่น

มีหลายประเทศอ้างว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดกีฬากอล์ฟ เช่นประเทศเยอรมันนี ในศตวรรษที่ 14 เจ้าของฝูงแกะซึ่งจ่ายภาษีให้กับขุนนางเจ้าของที่ดิน ได้รับสิทธิ์ใช้ผืนที่ดินเลี้ยงแกะโดยขุนนางให้ใช้ไม้ที่ปลายตาขอสำหรับ เกี่ยวคอแกะ ตีก้อนหินลูกกลมๆ ตามจำนวนครั้งเป็นเท่ากับจำนวนแกะที่เลี้ยงไว้ ขนาดผืนดินใช้เลี้ยงแกะเท่ากับความกว้างยาวที่เจ้าของฝูงแกะตีได้ อีกทฤษฎีหนึ่งของจุดเริ่มต้นกีฬากอล์ฟ มาจากชาวประมงชาวสกอตที่กลับจากการหาปลา เวลาเดินผ่านทุ่งหญ้าก็เอากิ่งไม้เดินหวดลูกหินไปตามทาง และเมื่อหวดไปครั้งหนึ่งก็ลองหวดต่อไปเรื่อยๆ ดูว่าจะตีไปได้ไกลกว่าลูกแรกหรือไม่ เมื่อลูกหินหล่นลงไปในบ่อหรือแอ่งดินที่แกะใช้เป็นที่หลบภัยธรรมชาติ ชาวประมงก็ต้องใช้ความสามารถที่จะตีให้ลูกหินออกมาได้จนกว่าจะเดินถึงบ้าน บ่อนั้นก็ได้พัฒนามาเป็นบังเกอร์ทราย เมื่อลูกกอล์ฟตกลงไปในโพรงที่กระต่ายขุดไว้ก็เท่ากับเป็นการค้นคิดวิธีการ เล่นกอล์ฟขึ้นมาในตัวเองว่าเกมส์จะจบลงเมื่อลูกลงหลุม
เป็น ที่ยอมรับกันว่ากีฬากอล์ฟหรือกีฬาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ได้เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่ยังไม่มีหลักฐานอ้างอิงได้ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ริเริ่มขึ้นเมื่อใด ได้มีการค้นคว้าหาจุดเริ่มต้นย้อนอดีตไปจนถึงยุคจักกรวรรดิ์โรมันซึ่งมีการ เล่นเกมส์ที่เรียกว่า พากานิก้า (Paganica) บ้างก็อ้างว่ากีฬากอล์ฟพัฒนามาจากการเล่น ชูเดอมาล (Jeu de mail) ของชาวฝรั่งเศส หรือ โคลเวน (Kolven) ของชาวฮอลแลนด์ นอกจากนั้นก็ยังมีเกมส์อื่นๆ ซึ่งเล่นกันในหมู่ขุนนางอังกฤษ และจักรพรรดิ์โรมันเล่นในยามว่าง เป็นเกมส์ที่ยืนด้านข้าง ใช้ไม้ตีลูกที่มีเปลือกทำจากหนังวัวบางๆ เย็บติดกันและยัดไส่ด้วยขนห่าน และลูกที่ใช้ตีในบางเกมเป็นแกนไม้เนื้อแข็ง นำมาขัดเป็นก้อนกลมๆ และบางเกมในทวีปยุโรปสมัยก่อน เล่นกันเป็นทีมโดยฝ่ายหนึ่งตีลูกสามครั้งให้โดนเป้าตามระยะที่กำหนด ส่วนฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามตีลูกหนึ่งครั้งกลับไปอยู่ในที่ที่เป็นอุปสรรค

ระยะเวลาหกร้อยปีที่ผ่าน มา เกมส์ต่างๆ ในทวีปยุโรปได้พัฒนาจนเข้าสู่ยุคของสกอตแลนด์ซึ่งได้อ้างอย่างหนักแน่นตาม หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่าเป็นประเทศต้นกำเนิดกีฬากอล์ฟ ในกลางศตวรรษที่ 15 ในช่วงที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ กีฬากอล์ฟได้เล่นกันในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่สองแห่งราชวงศ์สกอตจากการทำศึกต่อ สู้กับอั งกฤษในสมัยนั้น ทางสกอตแลนด์มีบันทึกที่กล่าวไว้ว่า ทางรัฐสภาสกอตได้มีการให้ยกเลิกการเล่นกอล์ฟไปหลายปี เนื่องจากพลธนูและนายทหารไม่ไปซ้อมยิงธนู แต่ได้หันไปติดเล่นกอล์ฟ และ 40 ต่อมาได้มีการสงบศึกกับอังกฤษ พระเจ้าเจมส์ที่สี่ก็รีบยกเลิกกฎหมายห้ามการเล่นกอล์ฟตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในศตวรรษที่ 16 กีฬากอล์ฟถือได้ว่าเป็นกีฬาที่เล่นอย่างแพร่หลายในฝั่งตะวันตกของประเทศ สกอตแลนด์

กลางศตวรรษที่ 18 กลุ่มนักกอล์ฟชายในสกอตแลนด์ได้ก่อตั้งสมาคมกอล์ฟขึ้น โดยกำหนดกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นกอล์ฟ ต่อมาก็ได้ก่อตั้งสโมสรเดอะรอแยลแอนด์เอนเชียนกอล์ฟคลับออฟเซนต์แอนดรูวส์ (The Royal and Ancient Golf of Saint Anderws ใช้ชื่อย่อว่า R&A) ซึ่งเป็นสมาคมกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุด เพื่อกำหนดและแก้ไขกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 20 สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Golf Association ใช้ชื่อย่อว่า USGA) ได้เข้ามาร่วมวินิจฉัยแก้ไขเพิ่มเติมกฎข้อบังคับและมารยาทสำหรับกีฬากอล์ฟ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น กีฬากอล์ฟได้เริ่มเล่นในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 และนิยมเล่นกันแพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20

อย่างไรก็ตามผู้ที่ บุกเบิกกีฬากอล์ฟแพร่หลายคือชาวสกอตและพัฒนาการเล่นจากทุ่งหญ้าชายฝั่งทะเล ไปที่ต่างๆ ทั่วโลกที่ชาวสกอตไปตั้งรกรากถิ่นฐานทำมาหากิน ด้วยความหลงไหลในกีฬากอล์ฟทำให้ชาวสกอตนำไปเผยแพร่และสอนให้ชาติอื่นๆ ได้เรียนรู้วิธีการเล่น รวมทั้งการวางกฎข้อบังคับที่ใช้ในการเล่นมาจนถึงทุกวันนี้

เเนะนำอุปกรณ์กอล์ฟ